ชุดตรวจน้ำลาย ในปัจจุบัน ทางด้านคณะ กรรมการเอดส์ ชาติได้ มีการปลดล็อค และอนุญาต ให้ใช้ชุดตรวจเอดส์ ทางน้ำลาย ซึ่ง ปัจจุบัน มีความแม่นยำ มากขึ้น โดยหลังจากที่ ได้มีการห้ามใช้ มานานหลายปี

แต่ก็ยัง คงมีการควบคุม ให้ใช้ได้ ในเฉพาะโรงพยาบาล และ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น และยังย้ำอีกว่า ห้าม มีการวางจำหน่ายทั่วไป

อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงมี การยืนยันว่า ในน้ำลายของเรา นั้น ไม่ได้มีปริมาณเชื้อเอดส์ มากพอ ที่จะทำให้ ติดเชื้อได้ จากการศึกษา โอกาสที่จะได้รับการติดเชื้อ จากน้ำลายได้นั้น ผู้รับความเสี่ยง ต้องได้รับน้ำลาย ปริมาณเป็นลิตร

และยืนยันว่า การตรวจน้ำลาย เพื่อหาโรคนั้น เป็นเพียงการตรวจ เพื่อหาภูมิคุ้มกัน ต่อเชื้อเท่านั้น ดังนั้นก็ไม่ต้อง ตื่นตระหนก เพียงเพราะกลัวการติดเชื้อเอชไอวี ผ่านทางน้ำลาย

ในอดีต ทางด้าน คณะกรรมการเอดส์ชาติ ได้มีการประชุม และลงมติ การห้าม ตรวจการ ติดเชื้อเอชไอวี ผ่านทางน้ำลาย เพราะเนื่องด้วย วิธีการที่ใช้ตรวจ ทางน้ำลายนั้น จะอนุญาต ให้ใช้ได้เฉพาะงานวิจัย เท่านั้น

แต่ เนื่องจาก เทคโนโลยีมาไกล จึงได้มีการพัฒนา การตรวจเอดส์ด้วยน้ำลาย ให้มีความก้าวหน้า มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีทั้งความไว และความแม่นยำ เทียบเท่ากับการใช้ ชุดตรวจหาการติดเชื้อด้วยเลือด

ดังนั้น ในปัจจุบัน ทางด้านคณะกรรมการ จึงได้มีการอนุญาต ให้สามารถ ใช้ชุดตรวจนี้ได้ เพื่อวินิจฉัย หาสาเหตุของ การติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งนอกจาก การตรวจหาเชื้อผ่านทางเลือดแล้ว

การได้รับอนุญาต ให้ใช้ชุดตรวจหาเชื้อ ผ่านทางน้ำลาย เพื่อวินิจฉัย หาการติดเชื้อ เอชไอวี ก็ยังมี การบังคับให้ใช้ได้ เฉพาะในโรงพยาบาลเท่านั้น และหากใคร ที่ต้องการ ทำการตรวจหาเชื้อ จะต้องทำการตรวจ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีใบประกอบเกี่ยวกับโรคนี้

อย่างไรก็ตาม การตรวจหาเชื้อ เอชไอวีนั้น ไม่ว่าผู้ใด ก็อยากให้ การตรวจทุกครั้ง เป็นความลับ ซึ่งหากต้อง มีการเปิดเผยข้อมูลนั้น ก็จะต้องมีความยินยอม จากผู้ที่เข้าตรวจ โดยตรงเท่านั้น

การได้รับ การอนุญาต ให้สามารถใช้ ชุดตรวจน้ำลาย ได้นั้น วิธีการนี้ อาจเป็นช่องทาง ที่สามารถช่วยให้ ประชาชนเข้าถึง การตรวจหาเชื้อเอชไอวี ได้ง่ายมากขึ้น และยังช่วยให้ ผู้ที่ติดเชื้อ ได้รับการรักษา ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้ง ยังช่วยป้องกัน การแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นอีกด้วย

นอกจากนี้ ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี สามารถใช้ชีวิต ได้เหมือนกับคนปกติทั่วไปได้ หากมี การทานยาต้านไวรัส อย่างสม่ำเสมอ และรักษาสุขภาพร่างกาย ให้มีความแข็งแรง เป็นประจำ ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี ยังสามารถใช้ชีวิต และมีครอบครัวได้

ถึงแม้ว่า การมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่สวมถุงยางอนามัย จะทำให้ เกิดความเสี่ยง ต่อการแพร่เชื้อ ไปสู่คู่นอน ของตนเองก็ตาม

หาก มีความจำเป็น ที่จะต้อง มีครอบครัวจริง ๆ ก็ควรเดินทาง ไปปรึกษาแพทย์ เพื่อขอคำแนะนำ เกี่ยวกับการมีบุตร อย่างถูกวิธี โดยที่บุตรไม่มีการติดเชื้อเอชไอวี อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี ก็สามารถมีชีวิต ที่ยืนยาวได้ เป็นหลายสิบปี ซึ่งสามารถ มีอายุได้เทียบเท่า เหมือนกันกับ คนปกติทั่วไป

ดังนั้น นอกจาก การมีชุดตรวจหาเชื้อ ทางน้ำลายแล้ว หากผู้ที่กำลัง มีความเสี่ยง แต่ไม่กล้า เดินทางไปตรวจ ตามโรงพยาบาล ปัจจุบัน ก็ได้มี ชุดตรวจเอชไอวี ด้วยตนเอง ซึ่งจะเป็น การตรวจด้วยเลือด มี ความปลอดภัย แม่นยำ และได้มาตรฐาน เพื่อเป็นทางออก ให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่าย ๆ

ดังนั้น หากพบว่าตนเอง มีความเสี่ยงก็ควรทำการตรวจ เพราะหากรู้ผลตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะได้เข้ารับการรักษา ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม