การดูแลตนเองเมื่อเป็นเอดส์

การดูแลตนเองเมื่อเป็นเอดส์ โรคเอดส์ เป็นภาวะ การป่วย ในขั้นสุดท้าย ของ การติดเชื้อไวรัส เอชไอวี (HIV) ซึ่งเซลล์เม็ดเลือดขาว ภายในร่างกาย ได้ถูกทำลายลง จึงทำให้ผู้ป่วย มีภูมิคุ้มกันในร่างกาย ที่บกพร่อง จนไม่สามารถต่อสู้ หรือกำจัดเชื้อโรค หรือไวรัสที่เข้าไปสู่ร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เกิด การเสียชีวิตลงได้

ดังนั้น ผู้ป่วย ที่ติดเชื้อเอชไอวี จึงต้องทำความเข้าใจ เกี่ยวกับภาวะของตนเอง ศึกษา วิธีการดูแลตนเอง อย่างถูกวิธีและเหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยง ไม่ให้ร่างกาย เกิดการติดเชื้อเอชไอวี จนลุกลาม ไปสู่ภาวะเอดส์ ที่อาจเป็นอันตราย และเสี่ยง ต่อการเสียชีวิตลง

ผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีควรดูแลตนองอย่างไร

ควรทำการ บอกคนรอบข้าง หรือครอบครัว ก่อนเป็นอันดับแรก ว่าตนนั้นได้ติดเชื้อเอชไอวี ถึงแม้ว่า การเปิดเผยตนเอง อาจจะทำให้ ผู้ป่วยรู้สึกอึดอัด และเป็นกังวลใจ แต่ การบอกกับครอบครัว บุคคลใกล้ชิด หรือแม้แต่ บอกกับคู่นอน ว่าตนเองนั้น ติดเชื้อเอชไอวีนั้น

ก็เป็นสิ่ง ที่สำคัญมาก ๆ เพราะทั้งตนเอง และครอบครัว และบุคคลรอบข้าง จะได้เตรียมรับมือ กับปัญหาที่เกิดขึ้น และจะได้ปฏิบัติตน ตามข้อควรระวัง ในขั้นตอนต่าง ๆ ในการดูแล และการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ได้อย่างปลอดภัย

การรับประทานอาหาร ตามที่แพทย์สั่ง อย่างเคร่งครัด การดูแลตนเองเมื่อเป็นเอดส์ ผู้ป่วย ควรเริ่ม เข้ารับการรักษาทันที เมื่อได้ทราบถึงผลตรวจ ของตนเอง ว่าได้มีการติดเชื้อ เอชไอวีแล้ว และควรรับประทานยา ตามที่แพทย์สั่ง ให้ตรงต่อเวลาอย่างเคร่งครัด เพราะหาก เรารับประทานยา ตามที่แพทย์สั่ง ยาจะช่วย

ในการชะลอการเจริญเติบโต ของเชื้อไวรัสเอชไอวี ป้องกัน การทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ของร่างกาย และลดโอกาส การแพร่เชื้อ ไปสู่ผู้อื่นได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรจะไปพบแพทย์ เพื่อติดตาม ผลการรักษา อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แพทย์ ได้ประเมิน ถึงอาการ และผลข้างเคียง ที่มีโอกาส เกิดขึ้นจากการใช้ยาได้

การดูแลสุขภาพจิตใจ อาจจะดูเป็นเรื่องปกติ ที่ผู้ป่วยจะรู้สึกเครียด กังวล และซึมเศร้า เป็นอย่างมาก หลังจากที่ได้รับรู้ และทราบถึงผลตรวจ ว่าตนเองติดเชื้อเอชไอวี

ซึ่งผู้ป่วย อาจจะมีการเดินทาง ไปปรึกษากับผู้ที่เชี่ยวชาญ ทางด้านสุขภาพจิต เช่น นักจิตวิทยา จิตแพทย์ เป็นต้น เพื่อรับคำแนะนำ และคลายความกังวลใจ เพื่อเสริมสร้าง กำลังกายกำลังใจ จากผู้ที่เห็นอกเห็นใจ หรือผู้ที่มีประสบการณ์เดียวกัน

นอกจากนี้แล้ว ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ อาจดูแลสุขภาพจิตได้โดยการทำให้จิตใจของตนเองนั้นสงบลงคือ การนั่งสมาธิ หรือการทำสมาธิ เพื่อจินตนาการ ไปถึงสิ่งที่จะทำให้ตนเองนั้นรู้สึกสงบ สบายใจ จนลืมเรื่อง ที่ตนเองเครียด หรือเป็นกังวลใจไปได้

การเลิกสูบบุหรี่ ผู้ป่วยติดเชื้อ อาจจะมีแนวโน้ม ที่จะได้รับผลข้างเคียงต่าง ๆ จากการ ที่สูบบุหรี่ มากกว่าคนทั่วไป เพราะบุหรี่ จะเพิ่มความเสี่ยง ในการที่ทำให้ร่างกาย เกิดโรคร้ายแรงต่าง ๆ ได้ง่าย เช่น โรคมะเร็ง โรคปอด และปอดติดเชื้อ เป็นต้น

การลดความเสี่ยง ในการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น เชื้อไวรัสเอชไอวี จะสามารถแพร่ ไปสู่ผู้อื่นได้ ผ่านทางของเหลว เช่น เลือด น้ำอสุจิ น้ำหล่อลื่น ของเหลวจากช่องคลอด ทวารหนัก และน้ำนม เป็นต้น

ฉะนั้นแล้ว ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี ก็ควรใช้ถุงยางอนามัย ทุกครั้ง เมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดความเสี่ยง ในการแพร่เชื้อ ไปสู่คู่นอนของตนเอง

อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นผู้ที่มีความเสี่ยง ต่อการติดเชื้อเอชไอวี สิ่งที่ควรทำ คือ การตรวจเลือด หาเชื้อเอชไอวี เพื่อให้ตัวคุณเอง คลายความกังวลใจ และเพื่อประโยชน์ทางด้านสุขภาพ ของคุณ

หากไม่สะดวกใจ ที่ตรวจที่โรงพยาบาล คุณสามารถ เลือกซื้อ ชุดตรวจคัดกรอง เบื้องต้นด้วยตนเอง ที่มีความแม่นยำ ปลอดภัย ได้มาตรฐาน และยังสามารถ ตรวจได้ทุกที่ ที่สะดวกอีกด้วย

ทั้งนี้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง เป็นเพียงการตรวจ เพื่อคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น หากผลตรวจ ออกมาเป็นบวก หรือลบ ก็อย่าพึ่งวางใจ แต่ให้ทำการตรวจ อีกครั้งที่ 3 เดือนหลังจากที่ได้ตรวจ ในครั้งแรกไปแล้ว