ตรวจ ซิฟิลิส มี กี่ แบบ และแบบไหนรอผลนานกว่ากัน

หนึ่งในโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่น่ากลัว แต่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก อีกโรคหนึ่ง คือ ซิฟิลิส

ถึงแม้ว่าจะสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ไม่สามารถหายไปได้เอง ต้องเข้ารับการรักษา

อย่างถูกต้องจึงจะหายขาด ไม่เช่นนั้นอาการของโรคจะสามารถไปถึงระยะที่ทำลายระบบประสาทได้

ซึ่งอันตรายถึงชีวิต

 

ถึงแม้จะกล่าวว่า โรคซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่ความจริงแล้วสามารถติดต่อได้

ผ่านทางช่องทางอื่น ๆ ด้วย เช่น อวัยวะสืบพันธุ์ หรือปาก สัมผัสกับแผลซิฟิลิสโดยตรง,

จากแม่ตั้งครรภ์สู่ทารกในครรภ์ ซึ่งอาจส่งผลให้ทารกมีความผิดปกติทางร่างกายได้ และการรับเลือดจากผู้ป่วยซิฟิลิสโดยตรง

 

อาการของโรคซิฟิลิสนั้น ไม่ได้มีแบบแผนที่ชัด ทำให้ในระยะแรกของการติดเชื้ออาจจะไม่ได้

ทันสังเกต หรือไม่ทราบจริง ๆ ว่าป่วยเป็นซิฟิลิส

 

 

การ ตรวจ ซิฟิลิส มี กี่ แบบ

ในปัจจุบันนี้มีทั้งหมด 3 วิธีด้วยกัน คือ

  1. Darkfield Exam เหมาะกับการตรวจผู้ที่ติดเชื้อในระยะแรกและเริ่มมีอาการ มีแผลหนอง

โดยจะเก็บตัวอย่างหนองไปส่งตรวจโดยการส่องกล้องชนิดพิเศษ

  1. การตรวจจากเลือด

1) การตรวจหาแอนติบอดีแบบไม่เฉพาะเจาะจงต่อเชื้อซิฟิลิส (การตรวจคัดกรอง)

– VDRL รู้ผลใน 60 นาที

– RPR รู้ผลใน 60 นาที

– Rapid Test รู้ผลใน 15 นาที

 

2) การตรวจหาแอนติบอดีแบบเฉพาะเจาะจงต่อเชื้อซิฟิลิส

– FTA-ABS รู้ผลใน 3 วัน

– TPHA รู้ผลใน 60 นาที

– TP-PA

 

  1. การตรวจหาเชื้อจากน้ำที่ไขสันหลัง

วิธีนี้จะใช้กับผู้ที่คาดว่าจะได้รับเชื้อซิฟิลิสมานานแล้ว และเชื้อลุกลามทำลายถึงระบบประสาท

ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายของแต่ละวิธีก็จะมีคราคาที่แตกต่างกันไป ควรสอบถามสถานพยาบาลก่อนเข้าใช้บริการ

 

กาตรวจซิฟิลิส ด้วย ชุดตรวจซิฟิลิส แบบ Rapid Test เป็นการตรวจอย่างง่าย จากเลือดปลายนิ้ว

ปัจจุบันสามารถหาซื้อมาตรวจคัดกรองด้วยตนเองได้ ซึ่งจะสามารถทราบผลได้ภายในไม่กี่นาที

หากผลเป็นบวก พบเชื้อ ให้เข้ารับการตรวจยืนยันที่สถานพยาบาล

 

 

เมื่อไหร่ที่ควรตรวจซิฟิลิส

สำหรับผู้ที่คาดว่ามีความเสี่ยง สามารถเข้ารับการตรวจได้เมื่อเสี่ยงมาแล้วกว่า 21 วัน

และเมื่อผลเป็นลบ ไม่พบเชื้อ แพทย์จะแนะนำให้ตรวจอีกครั้งหลัง 90 วัน

ทั้งนี้ทุกคนสามารถตรวจซิฟิลิสได้ตลอดเท่าที่คุณต้องการ โดยคนทั่วไปที่อยู่ระหว่างช่วงวัยรุ่น

จนถึงวัยสูงอายุ ควรตรวจหาเชื้อซิฟิลิสอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี